โบท็อกซ์ VS ฟิลเลอร์ วิธีไหนช่วยแก้หน้าผากย่นดีกว่ากัน
- Monpapas Tongcharas
- 24 ก.ย.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 26 ก.ย.

หากหน้าผากมีรอยย่นหลายคนก็อยากแก้ด้วยโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ เพราะเห็นผลลัพธ์เร็ว และทั้งสองวิธีต่างก็ได้รับความนิยมในวงการความงามเหมือนกันทั้งคู่ บทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
10 พฤติกรรมที่ทำให้หน้าผากย่นไม่รู้ตัว
ขมวดคิ้วเวลาคิดหรือเครียด เพราะกล้ามเนื้อถูกใช้งานซ้ำ ๆ จนเกิดร่องลึก
ยักคิ้วหรือเลิกคิ้วบ่อย ๆ โดยเฉพาะคนที่ชอบแสดงสีหน้าเวลาตกใจหรือเน้นอารมณ์
จ้องหน้าจอคอม/มือถือนาน ๆ ด้วยการเพ่งสายตา และเลิกคิ้วเพื่อปรับโฟกัสก็สร้างริ้วรอยได้
นอนคว่ำหรือนอนตะแคง ทำให้ผิวหน้าถูกกดทับ รอยบนหน้าผากจะฝังลึกขึ้น
ไม่ใส่แว่นกันแดด เวลาเจอแดดแรงมักจะขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ทำให้รอยชัดขึ้น
สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ๆ ทำให้ผิวขาดคอลลาเจนและอีลาสติน จนเกิดริ้วรอยได้ง่าย
นอนดึกและพักผ่อนไม่เพียงพอ ผิวฟื้นฟูไม่เต็มที่ทำให้ความยืดหยุ่นลดลง และรอยย่นเห็นชัดขึ้น
การแสดงอารมณ์แบบเดิมซ้ำ ๆ เช่น ยิ้มแบบเลิกคิ้ว ขมวดคิ้วตอนโกรธ หรือเพ่งเวลาคิดหนัก ๆ
ดื่มน้ำน้อยเกินไป ผิวขาดความชุ่มชื้น ทำให้รอยย่นบนหน้าผากเด่นชัดขึ้น
ไม่ทาครีมกันแดด แสง UV ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็ว เกิดริ้วรอยก่อนวัย โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก
โบท็อกซ์ช่วยแก้หน้าผากย่นได้ยังไง
โบท็อกซ์ช่วยแก้หน้าผากย่นได้ด้วยการคลายการทำงานของกล้ามเนื้อที่ก่อให้เกิดรอยย่น เช่น ขมวดคิ้ว เลิกคิ้ว เมื่อกล้ามเนื้อไม่หดเกร็งรอยย่นก็จะตื้นขึ้น ทำให้หน้าผากกลับมาเรียบเนียน เหมาะกับผู้ที่มีการแสดงสีหน้าบ่อย ๆ ซึ่งผลลัพธ์จะเห็นชัดใน 3-7 วัน และอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
ฟิลเลอร์ช่วยแก้หน้าผากย่นได้อย่างไร
ฟิลเลอร์ช่วยแก้ปัญหาหน้าผากย่นได้ด้วยการฉีดสาร Hyaluronic Acid เพื่อเติมเต็มบริเวณร่องหรือรอยย่นที่ลึก ทำให้ผิวหน้าผากที่เคยเป็นร่องดูเรียบเนียน แลดูอิ่มฟูขึ้น เหมาะกับการแก้ปัญหาริ้วรอยหรือร่องลึก ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6–12 เดือน และยังช่วยปรับรูปหน้าผากให้โค้งสวยแลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
เปรียบเทียบ โบท็อกซ์ VS ฟิลเลอร์ วิธีไหนช่วยแก้หน้าผากย่นได้ดีกว่า

แล้วควรเลือกวิธีไหนดี
หากเป็นริ้วรอยจากการขมวดคิ้วหรือยักคิ้วควรเลือกโบท็อกซ์ แต่ถ้าเป็นร่องลึกที่แก้ไม่หายแม้จะไม่ได้ขยับหน้าควรเลือกฟิลเลอร์ และในบางเคสอาจต้องทำทั้งโบท็อก+ฟิลเลอร์ เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพกว่า
วิธีป้องกันรอยหน้าผากย่นก่อนวัยมีอะไรบ้าง
1 ใช้บริการคลินิกเสริมความงาม
ฉีดโบท็อก ฟิลเลอร์ อัลตราซาวด์ หรือเลเซอร์ แต่ต้องใช้ของที่ผ่าน อย. และทำโดยแพทย์เท่านั้น
2 ปรับพฤติกรรมของใบหน้า
หลีกเลี่ยงขมวดคิ้ว เลิกคิ้ว หรือเพ่งเล็ง ควรใช้แสงหน้าจอให้พอดี และควรใส่แว่นกันแดดเวลาแดดจ้า
3 บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นทุกวัน
ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ไฮยาลูรอนิก และเรตินอลหรือเปปไทด์ตอนกลางคืน ควรดื่มน้ำให้พอ 6-8 แก้ว/วัน
4 ปรับไลฟ์สไตล์ฟื้นฟูผิว
นอนพอ 7–8 ชม. กินผักและผลไม้ โอเมก้า 3 ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์
5 ทากันแดดเป็นประจำทุกวัน
ทากันแดด Monday & Saturday ที่มี SPF 30 PA+++ เพื่อลดการทำลายคอลลาเจนจากรังสี UV
ครีมกันแดดช่วยป้องกันรอยหน้าผากย่น
รังสี UV จากแสงแดดเป็นหนึ่งในตัวการหลักที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ทำลายคอลลาเจน อิลาสติน และทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ หากใช้ครีมกันแดดที่ป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB อย่าง UV LIGHT DEFENSE PROTECTION BOOSTER SUNSCREEN SPF 50 PA+++ ก็จะช่วยปกป้องผิวทั่วใบหน้าและลำคอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดรอยย่นบนหน้าผาก และทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น