top of page

หน้าเป็นฝ้าเกิดจากอะไร ต้องเลือกครีมแบบไหนถึงจะไม่เสี่ยงหน้าพัง

อัปเดตเมื่อ 18 ก.ย.

หน้าเป็นฝ้าเกิดจากอะไร ต้องเลือกครีมแบบไหนถึงจะไม่เสี่ยงหน้าพัง

คนที่หน้าเป็นฝ้าส่วนใหญ่จะหมดความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้นการรักษาฝ้าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้เวลาและเลือกวิธีรักษาให้เหมาะสม เพราะถ้าใช้ครีมผิดประเภทอาจทำให้ฝ้าหนาขึ้นและรักษายากกว่าเดิม


หน้าเป็นฝ้าเกิดจากอะไร

หน้าเป็นฝ้าเกิดจากการที่ผิวผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป ทำให้ผิวบางส่วนดูเข้มหรือคล้ำกว่าปกติ โดยสิ่งกระตุ้นคือรังสี UV จากแสงแดด และความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น การตั้งครรภ์ กรรมพันธุ์ มลภาวะ ความร้อน ความเครียด และการใช้ครีมที่มีสารอันตรายต่อผิว ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ผิวไวต่อแสงและเสี่ยงเกิดฝ้ามากขึ้น


ฝ้ามีกี่ชนิด 

ฝ้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดหลัก ๆ ซึ่งแบ่งออกตามตำแหน่งของเม็ดสีเมลานินที่สะสมอยู่ในชั้นผิว


1 ฝ้าตื้น Epidermal Melasma เม็ดสีสะสมอยู่ในชั้นหนังกำพร้า มีสีเข้มชัดและขอบชัดเจน ควรรักษาด้วยการทายาหรือเลเซอร์  


2 ฝ้าลึก Dermal Melasma เม็ดสีสะสมอยู่ในชั้นหนังแท้ มีสีเทาและดูคล้ำ ไม่ค่อยมีขอบชัด รักษาได้ช้าและหายยาก


3 ฝ้าผสม Mixed Melasma พบทั้งเม็ดสีในชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ มีทั้งส่วนที่สีเข้มชัดและสีคล้ำไม่ชัดเจน รักษาได้หลายวิธี เช่น ครีมทา การผลัดเซลล์ผิว และเลเซอร์


อันตรายจากครีมรักษาฝ้าที่ไม่ปลอดภัย

หากหน้าเป็นฝ้าแล้วยังใช้ครีมที่มีความเข้มข้นเกินมาตรฐาน เช่น ปรอท ไฮโดรควิโนน หรือสเตียรอยด์ อาจทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น หากหยุดใช้ฝ้าจะกลับมาเข้มและรักษายากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการอักเสบ ติดเชื้อ หากใช้ครีมที่มีสารปรอทหรือสเตียรอยด์สะสมนาน ๆ อาจส่งผลเสียต่อไต ตับ และระบบฮอร์โมนในร่างกายได้ ดังนั้นการเลือกใช้ครีมรักษาฝ้าควรเน้นเรื่องความปลอดภัย และได้มาตรฐาน อย. เป็นหลัก


วิธีเลือกครีมรักษาฝ้าให้ปลอดภัย

วิธีเลือกครีมรักษาฝ้าให้ปลอดภัย

การเลือกครีมรักษาฝ้าให้ปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ้าเลือกผิดอาจทำให้เป็นฝ้าหนักขึ้นหรือเกิดผลเสียกับผิวหน้าได้ ซึ่งวิธีเลือกครีมรักษาฝ้ามีดังนี้


1 ตรวจสอบเลข อย.

เลือกครีมที่ผ่านการรับรองจาก อย. โดยสามารถตรวจสอบเลขที่จดแจ้งบนเว็บไซต์ อย. เพื่อป้องกันของปลอม ได้ที่  https://www.fda.moph.go.th/ 


2 ดูส่วนผสมที่ปลอดภัย

ดูส่วนผสมที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสี เช่น วิตามินซี ไนอาซินาไมด์ อาร์บูติน หรือสารสกัดจากชะเอมเทศ และหลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ปรอท และไฮโดรควิโนน


3 ควรมีสารบำรุงผิว 

ควรมีสารบำรุงและช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว เช่น เซราไมด์ กรดไฮยาลูโรนิก หรือสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว


4 เลือกจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้

มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ และมีข้อมูลผลิตภัณฑ์ชัดเจน และควรหลีกเลี่ยงครีมที่มีราคาถูก หรือมีการโฆษณาอวดอ้างเกินจริง


5 ใช้คู่กับครีมกันแดดเสมอ

เลือกครีมกันแดด SPF 30+ ขึ้นไป และมี PA+++ เพื่อป้องกันแสงแดด UVA/UVB เพราะการทาครีมรักษาฝ้าโดยไม่ใช้กันแดด อาจไม่เห็นผลและทำให้ฝ้าเข้มขึ้น


วิธีดูแลและป้องกันหน้าเป็นฝ้า 

วิธีดูแลและป้องกันหน้าเป็นฝ้า 

1. ใช้ครีมกันแดด 

แสงแดดคือสาเหตุหลักที่ทำให้หน้าเป็นฝ้า เพราะรังสี UVA/UVB จะไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินมากกว่าปกติ ดังนั้นควรเลือกครีมกันแดดที่เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ป้องกันแดดได้ดี เหมาะกับคนเป็นฝ้าและผิวแพ้ง่ายอย่างแบรนด์ Monday & Saturday


2. ใช้สมุนไพร

ใช้สมุนไพรช่วยรักษาฝ้า เช่น ขมิ้นชันช่วยลดการสร้างเม็ดสี ว่านหางจระเข้ช่วยให้รอยฝ้าดูจางลง และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น มะขามเปียกช่วยผลัดเซลล์ผิว และชะเอมเทศช่วยยับยั้งเอนไซม์สร้างเม็ดสี ซึ่งปัจจุบันถูกพัฒนาเป็นส่วนผสมในครีมบำรุงผิว


3. ทำเลเซอร์

ทำโปรแกรม Q-Switched Nd หรือ PicoLaser ทำลายเม็ดสีเมลานินโดยตรง เหมาะกับฝ้าตื้นและฝ้าผสม หรือทำโปรแกรม IPL โดยใช้แสงเพื่อลดรอยดำและทำให้ผิวใสขึ้น นอกจากนี้การฉีดวิตามินหรือสารยับยั้งเม็ดสีเข้าไปในผิวก็จะช่วยลดฝ้าได้เร็ว แต่ควรรักษากับแพทย์เฉพาะทาง


4. บำรุงผิว

เลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสม วิตามินซี อาร์บูติน กรดโคจิก ไนอาซินาไมด์ เพื่อปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และเลือกใช้เซราไมด์หรือไฮยาลูรอน เพื่อเสริมเกราะผิวและลดการระคายเคืองผิว และเสริมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น สารสกัดเมล็ดองุ่น วิตามินอี ชาเขียว เพื่อช่วยลดความเข้มของฝ้า


5. ไม่ใช้ครีมอันตราย

ครีมที่มีสารปรอท สเตียรอยด์ ไฮโดรควิโนน อาจทำให้ผิวใสเร็วแต่มีผลเสียระยะยาว เพราะจะทำให้ผิวบาง แดง แพ้ง่าย ฝ้ากลับมาเข้มกว่าเดิม และอาจสะสมจนเป็นพิษต่อตับและไตได้ ดังนั้นควรเลือกครีมที่มีเลข อย. และซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น

 
 
bottom of page