คู่มือรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่เกิดจากแสงแดด
- Monpapas Tongcharas
- 21 ส.ค.
- ยาว 1 นาที

ฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเนื่องจากในไทยมีสภาพอากาศร้อนและมีแสงแดดแรงตลอดทั้งปี ซึ่งรังสี UV จากแสงแดดถือเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไปจนเกิดเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงแค่ทำให้ผิวหมองคล้ำและแก่ก่อนวัย แต่ยังส่งผลต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์ ทำให้หลายคนต้องรีบหาวิธีดูแลและปกป้องผิวอย่างจริงจัง
ความแตกต่างระหว่างฝ้า กระ และจุดด่างดำ
ฝ้า Melasma
ฝ้า จะมีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลหรือสีเทาอมดำ เกิดขึ้นบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก เหนือริมฝีปาก และจมูก ซึ่งปัจจัยของการเกิดฝ้าคือรังสี UV และฮอร์โมน เช่น ตั้งครรภ์ ใช้ยาคุมกำเนิด หรือความเครียด
กระ Freckles / Lentigines
กระ จะมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาล หรือสีน้ำตาลเข้ม ขนาดไม่สม่ำเสมอ พบมากในผู้ที่มีผิวขาวหรือผิวบาง ซึ่งปัจจัยหลักของการเกิดกระคือการถูกแสงแดดกระตุ้นและพันธุกรรม
จุดด่างดำ Post-Inflammatory Hyperpigmentation
จุดด่างดำ มีลักษณะเป็นรอยคล้ำ หรือรอยดำที่เกิดหลังจากผิวมีการอักเสบ เช่น รอยสิว แผล หรือการแพ้ ซึ่งจะค่อย ๆ จางลงไปได้เอง แต่จะหายช้าถ้าเกิดว่ายังโดนแดดเป็นประจำหรือไม่ได้ป้องกันผิว
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ

1 รังสียูวี
รังสี UVA สามารถทะลุเข้าสู่ผิวชั้นลึก ทำให้เม็ดสีเมลานินถูกระตุ้นอย่างต่อเนื่องจึงทำให้เกิดฝ้าได้ ส่วนรังสี UVB ทำร้ายผิวชั้นนอกจนเกิดการไหม้แดด และกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้น รังสี UVA/UVB จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ
2 ฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน เช่น อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ การใช้ยาคุมกำเนิด หรือภาวะความเครียดสูง สามารถกระตุ้นเอนไซม์ไทโรซิเนส Tyrosinase ให้สร้างเมลานินมากเกินไป ทำให้เกิดฝ้าฮอร์โมนได้
3 ผิวอักเสบ
ผิวที่เกิดการอักเสบอาจเกิดจากสิว แผล การแพ้ หรือแม้แต่การขัดถูผิวแรงเกินไป ทำให้ผิวกระตุ้นเม็ดสีเมลานินเพื่อปกป้องบริเวณที่อักเสบ หลังจากนั้นจะทิ้งรอยดำเข้มขึ้น หากไม่ได้ปกป้องผิวจากแสงแดดหรือได้รับการดูแลที่ถูกต้อง
4 มลภาวะ
ฝุ่น ควัน หรือสารพิษในอากาศ สามารถสร้างอนุมูลอิสระ Free radicals ในผิวเพื่อทำลายคอลลาเจนและกระตุ้นการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติ ซึ่งปัญหานี้มักเกิดในตอนที่เผชิญกับแสงแดด ทำให้เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำเข้มขึ้น และทำให้เกิดฝ้ากระใหม่ได้ง่ายขึ้นด้วย
5 สารระคายเคือง
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว เช่น ปรอท ไฮโดรควิโนนความเข้มข้นสูง หรือสเตียรอยด์ อาจทำให้ผิวบางและไวต่อแดดมากขึ้น ทำให้เม็ดสีผิดปกติซึ่งเกิดได้ง่ายและรุนแรงขึ้น และเพิ่มโอกาสเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำมากขึ้นตามไปด้วย
วิธีรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ

1 รักษาทางการแพทย์
เลเซอร์รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ เช่น Q-Switche, Pico Laser หรือ Fraxel ช่วยทำลายเม็ดสีเมลานินและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
ทรีตเมนต์ผลัดเซลล์ผิว โดยใช้กรดผลไม้ AHA, BHA หรือ TCA ในความเข้มข้นที่เหมาะสม เพื่อเร่งการผลัดเซลล์ผิวและลดความเข้มของรอยดำต่าง ๆ
ยาทาบริเวณที่ต้องการรักษาฝ้า กระ เช่น Hydroquinone, Tretinoin, Kojic acid หรือ Vitamin C เข้มข้น ซึ่งแพทย์จะเลือกตามสภาพผิวและระดับความรุนแรงของปัญหา
การฉีดวิตามินผิว เพื่อช่วยฟื้นฟูบำรุงผิว ลดความหมองคล้ำ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้นหลังการรักษา
2 รักษาด้วยตัวเอง
ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ เลือก SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA+++ หรือมากกว่า ควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงเมื่ออยู่กลางแจ้ง
เลือกครีมบำรุงที่ช่วยลดเม็ดสี เช่น Niacinamide, Arbutin, Vitamin C, Licorice extract เพื่อให้สีผิวสม่ำเสมอขึ้น
หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 – 16.00 น. หากต้องออกแดดให้ใช้ร่มกัน UV หรืออุปกรณ์ป้องกันแสงแดดด้วย
บำรุงผิวให้แข็งแรง ด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ
เคล็ดลับการป้องกันฝ้ากระไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
วิธีรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำที่มีประสิทธิภาพคือการใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะวันที่ต้องออกแสงแดดจัดหรือวันที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรเลือกครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป และค่า PA+++ เพื่อป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB จะช่วยลดการกระตุ้นเม็ดสีเมลานินได้
ซึ่งเคล็ดลับการป้องกันฝ้ากระไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำต้องครีมกันแดดของ Monday & Saturday ที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด มลภาวะ และสารพิษในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยสารสกัดถึง 5 ชนิด ช่วยบำรุงผิวให้สุขภาพดี ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และลดโอกาสการเกิดฝ้ากระซ้ำในระยะยาว