top of page

รู้ทัน “ฝ้าเลือด” ศัตรูตัวร้ายของผิวหน้า ทำไมรักษายากกว่าฝ้าทั่วไป

รู้ทัน “ฝ้าเลือด” ศัตรูตัวร้ายของผิวหน้า ทำไมรักษายากกว่าฝ้าทั่วไป

ฝ้าเลือดคือหนึ่งในปัญหาที่หลายคนกังวลใจ เพราะรักษายากและกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย หากดูแลไม่ถูกวิธีอาจทำให้ฝ้าเข้มกว่าเดิม บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับสาเหตุของการเกิดฝ้า แนวทางการรักษา และวิธีป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ


ฝ้าเลือดคืออะไร แตกต่างจากฝ้าทั่วไปอย่างไร

ฝ้าเลือด หรือที่เรียกกันว่า Vascular Melasma หมายถึง ผิวหนังที่มีความผิดปกติของเส้นเลือดใต้ผิวบวกกับการอักเสบเรื้อรัง ทำให้ผิวหน้าดูคล้ำแดงหรือมีสีม่วงอมน้ำตาลเทา ซึ่งฝ้าเลือดจะเกี่ยวข้องกับการทำงานของเส้นเลือดและผิวหนังชั้นลึก จึงทำให้รักษายากและมักเป็นซ้ำได้ง่าย ฝ้าทั่วไป ผิวจะดูคล้ำเป็นสีน้ำตาลเทา เพราะมีการผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป ส่วนฝ้าเลือด ผิวจะดูคล้ำแดงหรือมีสีม่วงอมน้ำตาลเทา เพราะมีเลือดคั่งใต้ผิวและระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ


สาเหตุของการเกิดฝ้าเลือดมีอะไรบ้าง

1 โดนแสงแดดสะสมเป็นเวลานาน

แสงแดดกระตุ้นให้ผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวขยายตัวและอักเสบ ผิวหน้าจึงแดงคล้ำและกลายเป็นฝ้าเลือด


2 ใช้ครีมหรือยาที่ทำให้ผิวบาง

โดยเฉพาะครีมหน้าขาวที่มีสารสเตียรอยด์ หากใช้ต่อเนื่องจะทำให้ผิวอ่อนแอ เห็นเส้นเลือดใต้ผิวชัด และไวต่อแสงแดดมากขึ้น


3 ความผิดปกติของฮอร์โมน

พบได้บ่อยช่วงตั้งครรภ์ ผู้ที่กินยาคุมกำเนิด หรือเข้าสู่วัยทอง มีผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือดและการสร้างเม็ดสี


4 ผิวหนังเกิดการอักเสบเรื้อรัง

การแพ้เครื่องสำอาง การขัดผิวแรงเกินไป หรือการทำเลเซอร์บ่อย ๆโดยไม่พักฟื้นผิว อาจทำให้เกิดการอักเสบในชั้นผิวลึก


5 พันธุกรรมและสภาพผิวบาง

คนที่มีผิวบางแต่กำเนิดหรือมีเส้นเลือดใต้ผิวชัด มักมีโอกาสเกิดฝ้าเลือดได้ง่ายกว่าคนปกติทั่วไป 

6 ความเครียดและการพักผ่อนน้อย

จะกระตุ้นฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งมีผลต่อการไหลเวียนเลือดและการอักเสบของผิว ทำให้ฝ้าเลือดเข้มขึ้นหรือกลับมาเป็นซ้ำได้


ครีมกันแดด UV LIGHT DEFENSE ป้องกันฝ้า

ครีมกันแดด UV LIGHT DEFENSE เป็นสูตรที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันรังสี UVA / UVB / Blue Light ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดฝ้ากระและฝ้าเลือด โดยเฉพาะคนที่มีผิวบอบบางหรือมีแนวโน้มเป็นฝ้าง่าย คุณสมบัติเด่นของ UV Light Defense จะช่วยสะท้อนและดูดซับรังสีได้ลึกถึงชั้นผิว ลดโอกาสการกระตุ้นเม็ดสีเมลานินและหลอดเลือดอักเสบใต้ผิว หากใช้เป็นประจำทุกวันสามารถลดการเกิดฝ้าใหม่และชะลอความเข้มของฝ้าที่เป็นอยู่ได้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรักษาฝ้าเลือดหรือฝ้าทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ทำไมฝ้าเลือดถึงรักษายากกว่าฝ้าทั่วไป  

ฝ้าเลือดรักษายากกว่าฝ้าทั่วไปเพราะมีความซับซ้อนกว่า และปัญหาไม่ได้อยู่ที่เม็ดสีเท่านั้น แต่ยังมีเส้นเลือดฝอยที่ผิดปกติและมีการอักเสบเรื้อรัง ทำให้ผิวแดงคล้ำและไวต่อสิ่งกระตุ้นมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องรักษาชั้นเม็ดสีและชั้นหลอดเลือดไปพร้อม ๆ กัน เช่น รักษาโดยการใช้เลเซอร์เพื่อลดการอักเสบของเส้นเลือดและใช้ครีมกันแดด UV LIGHT DEFENSE ช่วยฟื้นฟูและเป็นเกราะป้องกันผิว 


5 วิธีรักษาฝ้าเลือดที่ได้ผล

5 วิธีรักษาฝ้าเลือดที่ได้ผล

1 เลเซอร์ด้วยเทคนิคการแพทย์ 

เพื่อลดการขยายตัวของเส้นเลือดใต้ผิว ฟื้นฟูการไหลเวียน และช่วยให้รอยแดงคล้ำของฝ้าจางลงอย่างมีประสิทธิภาพ


2 ใช้ครีมลดการอักเสบและยับยั้งเม็ดสี

ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide, Tranexamic Acid, Vitamin C เพื่อควบคุมเม็ดสีและลดการระคายเคือง


3 ครีมกันแดดของ UV Light Defense

ป้องกันรังสี UVA, UVB, Blue Light ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นฝ้าเลือดให้เข้มขึ้นและกลับมาเป็นซ้ำ


4  ฟื้นฟูเกราะป้องกันชั้นใต้ผิว 

ใช้สกินแคร์ที่มี Ceramide และ Hyaluronic Acid ช่วยให้ผิวแข็งแรง และลดโอกาสที่เส้นเลือดใต้ผิวจะอักเสบ


5 ดูแลสุขภาพผิวจากภายใน

พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และกินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อลดการอักเสบและปรับสมดุลผิวจากภายใน

 
 
bottom of page